สภาเภสัชกรรม ชวนร้านยาใน 4 จังหวัดนำร่องโครงการบัตรประชาชนใบเดียวใช้ได้ทุกที่ สมัครขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อร่วมให้ดูแลประชาชนทั้งการสร้างเสริมสุขภาพและอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไป
วันที่ 18 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา สภาเภสัชกรรม เชิญร้านยาใน 4 จังหวัดนำร่องบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ร่วมประชุมออนไลน์เพื่อชี้แจงแนวทางการให้บริการของร้านยาภายใต้โครงการดังกล่าว พร้อมเชิญชวนร้านยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้สมัครขึ้นทะเบียนเพื่อร่วมดูแลประชาชนสิทธิบัตรทองไปด้วยกัน
ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรม คนที่ 2 กล่าวว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดพื้นที่นำร่องใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการรักษาทุกที่ใน 4 จังหวัด คือ จ.แพร่ จ.เพชรบุรี จ.ร้อยเอ็ด และ จ.นราธิวาส โดยจะเตรียมการให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะเริ่มให้บริการวันแรกในวันที่ 8 มกราคม 2567 หากดูข้อมูลในส่วนของร้านยา จ.แพร่ มีร้านยา 85 แห่ง ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. 20 แห่ง เข้าร่วมโครงการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค 7 แห่ง และดูแลผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยอีก 8 แห่ง
จ.เพชรบุรี มีร้านยา 103 แห่ง ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. 24 แห่ง ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 5 แห่ง และดูแลผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 3 แห่ง จ.ร้อยเอ็ด มีร้านยา 205 แห่ง ขึ้นทะเบียนแล้ว 52 แห่ง ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 23 แห่ง และดูแลผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 22 แห่ง และ จ.นราธิวาส มีร้านยา 91 แห่ง ขึ้นทะเบียนแล้ว 15 แห่ง ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 6 แห่ง และดูแลผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 5 แห่ง
“ถ้าดูใน 4 จังหวัดนำร่อง มีร้านยารวมทั้งหมด 448 แห่ง ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.แล้ว 111 แห่ง ยังขาดอีก 373 แห่ง เช่นเดียวกับร้านยาที่ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคและการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เราต้องการเติมเต็มในส่วนของร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ขณะที่สภาเภสัชกรรมจะดูแลเรื่องการอบรมการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคและการดูแลผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เพื่อให้ร้านยามีศักยภาพในการให้บริการ ซึ่งร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ สามารถเลือกได้ว่าจะให้บริการสร้างเสริมสุขภาพฯหรือดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือทำทั้ง 2 อย่าง ดังนั้น เรามาระดมกำลังกันเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ร่วมผลักดันโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม”ภก.ปรีชา กล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ได้มีการชี้แจงแนวทางการให้บริการต่างๆที่ร้านยาตามที่ สปสช.กำหนด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นการให้บริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ภายใต้ชื่อ “ร้านยาของฉัน ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” และการให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ ภายใต้ชื่อ “ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย”
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการชี้แจงแนวทางการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการส่งต่อเฉพาะด้านเภสัชกรรมกับ สปสช. โดยใช้ระบบ One Stop Service ในการขึ้นทะเบียนออนไลน์และเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดภาระด้านเอกสารของร้านยา สะดวกและสามารถรับรองการขึ้นทะเบียนได้อย่างรวดเร็ว โดย สปสช.ได้ระบุว่าระบบ One Stop Service จะทำให้ระยะเวลาการสมัครจนถึงขั้นประกาศขึ้นทะเบียนลดลงจาก 30 วัน เป็นไม่เกิน 3 วัน
ทั้งนี้หน่วยบริการสามารถสมัครได้ที่ https://ossregister.nhso.go.th สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน สปสช. 1330 กด 5 (provider center)